วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทรัพย์สินทางปัญญา

ความหมายของทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึง ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพย์สินอีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น นาฬิกา รถยนต์ โต๊ะ เป็นต้น และอสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น บ้าน ที่ดิน เป็นต้น
ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา     โดยทั่วๆ ไป คนไทยส่วนมากจะคุ้นเคยกับคำว่า "ลิขสิทธิ์" ซึ่งใช้เรียกทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท โดยที่ถูกต้องแล้วทรัพย์สินทางปัญญาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ที่เรียกว่า ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม และลิขสิทธิ์
     ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม ไม่ใช่สังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม แท้ที่จริงแล้ว ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรมนี้ เป็นความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่เกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรม ความคิดสร้างสรรค์นี้จะเป็นความคิดในการประดิษฐ์คิดค้น การออกแบบผลิตภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม ซึ่งอาจจะเป็นกระบวนการ หรือเทคนิคในการผลิตที่ได้ปรับปรุงหรือคิดค้นขึ้นใหม่ หรือที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นองค์ประกอบและรูปร่างสวยงามของตัวผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องหมายการค้าหรือยี่ห้อ ซื่อและถิ่นที่อยู่ทางการค้า ที่รวมถึงแหล่งกำเนิดสินค้าและการป้องกันการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม จึงสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
·         สิทธิบัตร (Patent)
·         เครื่องหมายการค้า (Trademark)
·         แบบผังภูมิของวงจรรวม (Layout - Designs Of Integrated Circuit)
·         ความลับทางการค้า (Trade Secrets)

·         สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication)

แหล่งที่มา

กรณีศึกษา:  ปัญหาด้านสิทธิเครื่องหมายการค้า
 ความตระหนักในเรื่องเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าธุรกิจ


     เครื่องหมายการค้า หมายความถึง สัญลักษณ์เด่นชัดที่ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการใช้สำหรับสินค้าที่ผลิตหรือประกอบการ เพื่อจำแนกแยกแยะจากสินค้าประเภทเดียวกันหรือประเภทใกล้เคียงกัน  โดยทั่วไปมักประกอบด้วย ตัวอักษร หรือรูปภาพหรือทั้งสองอย่างประกอบกัน  สิทธิเครื่องหมายการค้า หรือสิทธิเฉพาะเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน หมายความถึง สิทธิที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าพึงได้รับจากการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับสำนักงานเครื่องหมายการค้าแห่งชาติ  สิทธิเครื่องหมายการค้ามีลักษณะเฉพาะทางกฎหมายดังต่อไปนี้

    1. การผูกขาด  การผูกขาดหรือเรียกว่า การบ่งใช้เฉพาะ หมายความถึง สิทธิการผูกขาดในการใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนที่ผู้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพึงได้รับ  สิทธิการผูกขาดในการใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าพึงได้รับ  ผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเครื่องหมายการค้า ไม่สามารถใช้เครื่องหมายการค้านี้ได้ 
    2. ด้านเวลา  กฎหมายได้จำกัดระยะเวลาในการคุ้มครองเครื่องหมายการค้า  เมื่อผ่านพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดก็สิ้นสุดผลทางกฎหมาย พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าของประเทศจีนกำหนดระยะเวลาการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้มีผลบังคับใช้ 10 ปี  ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดว่าเมื่อครบกำหนดระยะเวลาแล้วสามารถทำการต่ออายุได้  โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งในการต่ออายุ 

    3. ด้านขอบเขต  ด้านขอบเขตสิทธิเครื่องหมายการค้า หมายความถึง สิทธิเครื่องหมายการค้ามีผลบังคับใช้ภายในขอบเขตที่กำหนดไว้ พ้นจากขอบเขตที่กำหนดก็สิ้นสุดผลทางกฎหมายในการใช้สิทธิเฉพาะนี้  เจ้าของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนสามารถใช้สิทธิและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเฉพาะในประเทศที่ให้สิทธิเครื่องหมายการค้าเท่านั้น  หากต้องการได้รับความคุ้มครองจากประเทศนั้น ก็ต้องยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามกฎหมายที่ประเทศนั้นกำหนด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น