วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ

 ถึงแม้ว่าในปัจจุบันบางประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีกฎหมายควบคุมสื่ออินเทอร์เน็ต ก็ยังไม่สามารถควบคุมภัยล่อลวงต่าง ๆ จากสื่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเด็ดขาดเต็มที่โดยเฉพาะควบคุมดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบนสื่ออินเทอร์เน็ตนั้นก็ยังเป็นปัญหา โดยเฉพาะการเผยแพร่สื่อสารลามกหรือบ่อนการพนัน
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เหตุผลและความจำเป็นในการตรากฎหมาย
           
แม้ว่าปัจจุบันจะมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเก็บข้อมูล หรือให้บริการต่างๆ มากขึ้น แต่ผู้ให้บริการแต่ละรายจะมีวิธีการหรือมาตรการในการเก็บรักษา ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท เช่น บริษัทที่ให้บริการ โทรศัพท์แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาได้สนับสนุนให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เปลี่ยนรูปแบบการชำระค่าบริการรายเดือนเป็นการโอนเงินแบบออนไลน์ โดยจะมีนโยบายของบริษัทกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น จะไม่นำข้อมูลที่กรอกซึ่งมีลักษณะเป็น customer identifiable information จากที่ลงทะเบียนไปขาย แลกเปลี่ยน หรือให้บุคคลที่สาม เพื่อให้ผู้ใช้บริการไว้วางใจและใช้บริการเพิ่มขึ้น

            อย่างไรก็ตาม นโยบายเหล่านั้นเป็นสิ่งที่แต่ละบริษัทกำหนดขึ้นเอง เพราะฉะนั้นบางบริษัทก็อาจไม่มี หรือมีแต่ไม่รักษาวินัยในการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวอย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลให้เกิดการละเมิดหรือนำไปใช้ในทางมิชอบมากขึ้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้ โดย พ...ญาณพล ยั่งยืน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แหล่งที่มา

กรณีศึกษา :ที่ผิดกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ

สทศ.โดน Hack Web Site เด็กมือดีวาดการ์ตูนเล่น ๆ ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า "สัมพันธ์" ยอมรับถูกหยาม แต่ยังย้ำดูแลระบบข้อมูลนักเรียนได้แน่นอน แถมระบบป้องกันรัดกุม "ไชยยศ" ไม่วางใจ สั่ง สทศ.ตามดมกลิ่นมือดี พร้อมเรียกบริษัทเอาต์ซอร์สวางระบบป้องกันใหม่หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอยอีก ด้านสอบโอเน็ตเด็กโต ชั้น ม.6 พบสามเณรทุจริต 1 ราย ให้เพื่อนเณรปลอมตัวมาสอบ พร้อมสอบรอบพิเศษ ม.6 สมัคร 22-28 ก.พ.

รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ). กล่าวยอมรับว่า เป็นความจริงที่มีกระแสข่าวว่าเว็บไซต์ของ สทศ.ถูกแฮ็กข้อมูล ตนได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่แล้วว่ามีการแฮ็กข้อมูลเข้ามาจริง แต่เป็นการ แฮ็กข้อมูลเข้ามาหน้าเว็บไซต์ของ สทศ.เท่านั้น โดยเข้ามาในเวลา
 23.00 น. ของวันที่ 20 ก.พ. ถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 21 ก.พ. และช่วงเวลา 0.20 น. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบก็ได้สั่งปิดหน้าเว็บไซต์ทันที พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนข้อมูลที่จะเข้าระบบใหม่ เนื่องจากทราบว่าคนที่เข้ามานั้นใช้วิธีสุ่มข้อมูลที่จะเข้าระบบ โดยเจ้าหน้ารายงานอีกว่า เบื้องต้นคนที่แฮ็กเข้ามาได้วาดรูปการ์ตูนหน้าเว็บไซต์ของ สทศ.เท่านั้น โดยไม่ได้เข้ามาแก้ไขข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น

"ผมยืนยันว่า สทศ.มีระบบป้องกันข้อมูลของนักเรียนอย่างดี ดังนั้นไม่มีใครสามารถเข้ามาแก้ไขข้อมูลได้แน่นอน ดังนั้นฝากนักเรียนไม่ต้องกังวล ส่วนสาเหตุที่มีคนเข้ามาแฮ็กข้อมูลครั้งนี้น่าจะเกิดจากอยากลองวิชา และเท่าที่ทราบมีเกือบทุกปี แต่ สทศ.ป้องกันได้ อีกทั้งผมได้สั่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง
 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจำกัดคนที่จะมาดูข้อมูลหน้าเว็บไซต์ของ สทศ.มากขึ้น จากที่เดิมจะดูหลายคนก็จะจำกัดคน และที่สำคัญ สทศ.ประสานขอความร่วมมือจากกระทรวงไอซีทีมาตามจับคนที่เข้ามาแฮ็กข้อมูล เพื่อจะได้นำมาลงโทษให้ถึงที่สุด เนื่องจากทำผิดกฎหมาย"รศ.ดร.สัมพันธ์กล่าว

ด้านนายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้วยืนยันว่าข้อมูลไม่ได้ถูกแฮ็ก100%
 เป็น เพียงการแฮ็กข้อมูลเข้ามาหน้าเว็บไซต์ของ สทศ.เท่านั้น อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ สทศ.ตรวจสอบว่าเป็นฝีมือใครเพื่อลงโทษต่อไป พร้อมทั้งได้สั่งการให้เรียกบริษัทที่ทำข้อมูล outsource มาวางระบบการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก
1.สรุปข่าว : เว็บไซต์ของ สทศ.ถูกแฮ็กข้อมูลแต่เป็นการ แฮ็กข้อมูลเข้ามาหน้าเว็บไซต์ของ สทศ.เท่านั้น โดยเข้ามาในเวลา 23.00 น. ของวันที่ 20ก.พ. ถึงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 21 ก.พ. และช่วงเวลา 0.20 น. เบื้องต้นคนที่แฮ็กเข้ามาได้วาดรูปการ์ตูนหน้าเว็บไซต์ของ สทศ.เท่านั้น โดยไม่ได้เข้ามาแก้ไขข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น
2.เหตุผลที่เลือกข่าวนี้ : การเจาะเข้าไปในข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตเป็นการกระทำผิดกฎหมายและอาจทำให้ข้อมูลเสียหายได้
หมายเหตุ : พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น